ยืนยันตรงกันว่า
การรับประทานเนื้อแดงและเนื้อสําเร็จรูปเพิ่มโอกาสเสี่ยงมากขึ้น แนะให้คน
บริโภคเนื้อให้น้อยลง
สําหรับผู้ที่คิดว่ากินผักและผลไม้แล้วสามารถต้านมะเร็งทรวงอกได้ คงต้อง คิดใหม่
วารสารสมาคมแพทย์อเมริกันเปิดเผยงานศึกษาล่าสุดยืนยันความเกี่ยวข้องกันระหว่าง
โรคมะเร็งลําไส้กับการรับประทานเนื้อ
โดยทีมงานได้ติดตามข้อมูลสุขภาพของอาสาสมัคร จํานวน 148,610
คน อายุระหว่าง 50-74 ปี เป็นเวลานาน 10
ปี ซึ่งนิยมกินเนื้อเป็นชีวิตจิตใจ ผลสํารวจพบว่า
ผู้ที่ชอบกินเนื้อแดงมากเกินระดับที่กําหนดปริมาณบริโภคต่อวัน มีโอกาสเสี่ยง
เป็นมะเร็งลําไส้เล็กมากกว่าผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานเนื้อ ทั้งนี้
ผู้ชายที่รับประทานเนื้อแดงอย่างน้อย 85 กรัม
(เบอร์เกอร์หนึ่งชิ้น) ต่อวัน และสําหรับผู้หญิงคือ 56 กรัมต่อวัน
จัดว่าบริโภคเนื้อแดง ระดับสูง สําหรับผู้ที่กินเนื้อที่ผ่านกระบวนการอย่างเช่น
เบคอน ไส้กรอก ฮอทดอก ในปริมาณที่
มากเกินควรบริโภคต่อวันมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็น 50% เทียบกับผู้ที่รับประทานอาหารประเภทนี้น้อยที่สุด
ส่วนระดับที่ถือว่าบริโภคเนื้อผ่านกระบวนการอัตราสูง ได้แก่ การบริโภคในอัตรา
สัปดาห์ละ 141-176 กรัม เป็นอย่างต่ําสําหรับผู้ชาย และ 56-85 กรัมเป็นอย่างสูงสําหรับผู้หญิง คิดง่ายๆ คือ เนื้อแฮมแผ่น 1 ชิ้น หนักประมาณ 56 กรัม เนื้อที่ปรุงสุกแล้วอาจทําให้เกิดสารฮีเทอโรไซคลิกเอมิน
สารที่เป็นตัวก่อมะเร็ง นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า
ธาตุเหล็กในเนื้ออาจมีปฏิกิริยากับลําไส้และก่อให้เกิดมะเร็ง นอกจากนี้
สารประกอบไนเตรทในเนื้อที่ผ่านกระบวนการอาจเกี่ยวโยงกับโรคมะเร็งด้วย อย่างไรก็ดี
นักวิจัย จากสมาคมมะเร็งอเมริกัน ซึ่งเป็นผู้ดําเนินการวิจัยกล่าวว่า
เขาไม่ได้ต้องการให้คนเลิกรับประทาน เนื้อ แต่เพื่อเป็นการกันไว้ก่อน
ควรลดการบริโภคเนื้อให้น้อยลง โดยเฉพาะเนื้อติดมัน และให้ รับประทานพวกถั่ว ปลา
และไก่แทน
งานวิจัยอีกชิ้นได้ดําเนินการศึกษากับสตรีจํานวน
285,526 คน อายุระหว่าง 20-70 ปี จาก 8 ประเทศ โดยติดตามผลการศึกษาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี นักวิจัยพบว่า การรับประทาน ผักและผลไม้เป็นจํานวนมากๆ
ไม่สามารถป้องกันทรวงอกของสตรีให้รอดพ้นจากภัยมะเร็งได้ แม้ผักและผลไม้เหล่านี้มีสารพิเศษบางชนิดที่ป้องกันมะเร็งได้ก็ตาม
ในสหัสวรรษนี้กระแสการดูแลสุขภาพในแนวทางของการแพทย์ทางเลือกได้รับ
ความสนใจจากประชาชนทั่วโลกมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการกิน เราได้ตระหนักรู้ว่า
“เราเป็นอย่าง ที่เรากิน เราคิด เราพูด เราทํา” การกินทําให้เรามีชีวิต
มีเรี่ยวแรง มีพลังที่ใช้ในการดําเนินชีวิต ประจําวัน
รวมทั้งมีภูมิต้านทานโรคเพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และมีสุขภาพที่ดี ดังนั้น
การกินจึงเกี่ยวข้องกับสุขภาพอย่างแน่นอน
ปัจจุบันแนวทางเกี่ยวกับการกินเพื่อสุขภาพนั้นมี มากมาย จนทําให้ผู้คนสับสน
กระทั่งไม่รู้ว่าจะเชื่อแนวทางหรือทฤษฎีไหนดี แนวทางในการ พิจารณานั้นน่าจะเริ่มจากตนเองก่อน
ลองถามตนเองด้วยคําถามดังต่อไปนี้
1. ชีวิตคืออะไร ?
2. เรามาจากไหน ?
3. เราเกิดมาในโลกนี้เพื่ออะไร ?
4.ใครเป็นเจ้าของตัวเราอย่างแท้จริง ?
5.สุดท้ายเราจะต้องไปที่ไหนต่อ ?
หากเราสามารถตอบคําถามทั้งหมดนี้ด้วยปัญญาที่แท้จริงของเราเอง
หรือมีศาสตร์ หรือทฤษฎีใดที่สามารถชี้นําให้แนวทางคําตอบได้อย่างแจ่มแจ้งแล้ว
ก็น่าจะเป็นแนวทางให้เราได้ เข้าถึงการมีชีวิตและสุขภาพดีได้
แมคโครไบโอติกเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่เสนอแนวปฏิบัติเพื่อให้ มนุษย์มีสุขภาพดี
มีความสุข และมีอิสรภาพในชีวิตประจําวัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น