วันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2566

โรคเบาหวาน



โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย และมีแนวโน้มว่าผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน จะเพิ่มมากขึ้นทุกปีในทุกกลุ่มอายุของคนไทย เป็นโรคที่มักพบในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ แต่สิ่งที่ น่าวิตกมาก คือปัจจุบันอายุเฉลี่ยของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานน้อยลง อัตราการเกิดโรคเบาหวาน ในเด็กเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยสาเหตุใหญ่ของการเป็นเบาหวานเกิดจาก ปัญหาโรคอ้วน ซึ่งมีผลมาจากวิถีการดํารงชีวิตของคนไทยที่เปลี่ยนไป ขาดการออกกําลังกายลดการทํากิจกรรมในชีวิตประจําวัน และพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เปลี่ยนไป โรคเบาหวานเป็นโรคที่สัมพันธ์กับอาหาร อาหารจึงเป็นหัวใจสําคัญที่ช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น การป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานเป็นสิ่งสําคัญในการดูแล รักษาโรคเบาหวาน ดังนั้นโภชนาการจึงมีบทบาทสําคัญทั้งในการควบคุมระดับน้ําตาล และลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานผู้ที่เป็นโรคเบาหวานควรเห็นความสําคัญของอาหารและโภชนาการ มีการเรียนรู้ เกี่ยวกับแบบแผนการบริโภคอาหาร การเลือกอาหารทั้งคุณภาพและปริมาณ สามารถดัดแปลง รายการอาหาร และปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมการบริโภคอาหาร สามารถอ่านฉลาก โภชนาการและเลือกซื้ออาหารได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมทั้งสามารถดูแลตนเองได้ดี ซึ่งจะลดความรุนแรงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ โภชนบําบัดทางการแพทย์ (Medical Nutrition Therapy : MNT) การรักษาโรคเบาหวานประกอบด้วย 1. การให้โภชนบําบัดทางการแพทย์ 2. การใช้ยา 3. การออกกําลังกาย และ 4. การให้ความรู้ด้านโภชนาการ โภชนบําบัดทางการแพทย์เป็น หลักการที่สําคัญและเป็นหลักการแรกในการป้องกันและรักษาโรคเบาหวาน รวมทั้งป้องกันหรือชะลอภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน ซึ่งโภชนบําบัดทางการแพทย์มีความสําคัญ

 เป้าหมายหลักของการรักษาโรคเบาหวาน คือการรักษาสมดุลของน้ําตาลในเลือดให้ ใกล้เคียงกับระดับปกติมากที่สุด ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดปกติของไขมันในเลือด โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคไตเรื้อรัง ดังนั้นวัตถุประสงค์หลักของการให้โภชนบําบัดในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจึงมุ่งเน้นให้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานได้รับโภชนาการที่เหมาะสมกับภาวะโภชนาการของแต่ละบุคคล ได้รับ ความรู้ในการปฏิบัติตัวด้านอาหารได้อย่างถูกต้อง สามารถประมาณปริมาณอาหาร สามารถดัดแปลงและกําหนดแบบแผนการบริโภคอาหารของตนเองได้อย่างเหมาะสม จุดมุ่งหมายของการรักษาด้วยโภชนบําบัดทางการแพทย์สําหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน (pre-diabetes) เพื่อลดความเสี่ยงของการเป็นโรคเบาหวานและโรคหลอดเลือด หัวใจ โดยส่งเสริมให้เลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ร่วมกับการออกกําลังกาย เพื่อลดน้ําหนักตัวให้ได้อย่างต่อเนื่อง

จุดมุ่งหมายของการรักษาด้วยโภชนบําบัดทางการแพทย์สําหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน

1. เพื่อควบคุมและรักษา

-ระดับน้ําตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติหรือใกล้เคียงกับระดับปกติเท่าที่จะทําได้

-ระดับไขมันในเลือดเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ

-ระดับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติหรือใกล้เคียงกับระดับปกติเท่าที่จะทําได้ 2. เพื่อป้องกันหรือชะลอการเกิดภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังจากโรคเบาหวาน โดยการปรับการรับประทานอาหารและปรับเปลี่ยนวิถีการดําเนินชีวิต

2. เพื่อตระหนักถึงความต้องการด้านโภชนาการเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละราย โดยคํานึงถึ ตัวบุคคล วัฒนธรรม ความต้องการ ความชอบ และความเต็มใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

3. เพื่อให้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมีความสุขกับการรับประทานอาหาร และหลีกเลี่ยงหรือจํากัดเฉพาะอาหารที่มีผลต่อโรคเบาหวาน ตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มี การที่จะวางแผนและให้โภชนบําบัดได้ถูกต้องและเหมาะสมกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานแต่ละคนนั้น ควรมีการประเมินภาวะโภชนาการของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานก่อน รวมทั้งประเมิน อาหารที่บริโภค เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนการให้โภชนบําบัด และการให้คําปรึกษาแนะนํา ต่อไป โดยรวบรวมข้อมูลดังต่อไปนี้

คาร์โบไฮเดรต

รูปแบบและลักษณะของอาหารที่บริโภคตามปกติพลังงานที่ได้รับจากอาหารและการกระจายตัวของโปรตีน ไขมัน และการบริโภคเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง และอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง

ปริมาณไขมันและชนิดของไขมันที่บริโภค

ปริมาณใยอาหารที่บริโภค

การบริโภคผัก ผลไม้ ข้าว-ธัญพืชที่ไม่ขัดสี

การบริโภคถั่วเมล็ดแห้งและผลิตภัณฑ์จากถั่วเมล็ดแห้ง การบริโภคน้ําตาลและปริมาณน้ําตาลที่บริโภค

อาหารกระป๋อง

การบริโภคอาหารที่มีโซเดียมสูง อาหารเค็มจัด อาหารหมักดอง อาหารสําเร็จรูป

ความถี่ของการรับประทานอาหารนอกบ้าน

การรับประทานวิตามินและเกลือแร่เสริม

การดื่มสุรา และการสูบบุหรี่

ประสิทธิภาพของการให้โภชนบําบัดทางการแพทย์

ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน (pre-diabetes) หรือผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ควรได้รับการดูแลด้านโภชนบําบัดทางการแพทย์ที่เหมาะสม และเฉพาะสําหรับแต่ละคน (individualized MNT) ซึ่งเป็นบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรงของนักกําหนดอาหาร ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญในการดูแลด้านโภชนาการและโภชนบําบัด (B)

การให้ความรู้และคําแนะนําปรึกษาในด้านอาหารและโภชนาการแก่ผู้ที่มีความ เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานหรือผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ควรให้เหมาะสม ตรงกับความต้องการ ของผู้ป่วยแต่ละคน ผู้ป่วยมีความเต็มใจในการปรับเปลี่ยน และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม นั้นๆ ได้ 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น