วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2566

โภชนาการสําหรับผู้สูงอายุ

 


โภชนาการสําหรับผู้สูงอายุ

- ผู้สูงอายุ คือผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป

เมื่อพ้นวัยผู้ใหญ่แล้วจะมีการสลายของเซลล์มากกว่าการสร้าง ทําให้อวัยวะต่างๆ ทรุดโทรม และร่างกายแก่ลง เรียกกระบวนการนี้ว่า กระบวนการแก่  ความแก่ จะเกิดขึ้นเร็วหรือช้านั้น ขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อม ผู้ที่มีภาวะโภชนาการดี มีสุขภาพแข็งแรง มีการดําเนินชีวิตที่ดี ไม่เครียดจนเกินไป เซลล์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ ทําให้ไม่ค่อยแก่

การกินอาหารที่ถูกหลักโภชนาการในผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งที่จําเป็น เพื่อช่วยให้สุขภาพแข็งแรง มีความต้านทานโรค และช่วยให้เซลล์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงและเสื่อมสลายช้าลง

ความต้องการสารอาหารในผู้สูงอายุ

- อาหารที่กินควรลดปริมาณลง แต่เน้นในเรื่องคุณภาพให้มาก ผู้สูงอายุควรกินอาหารแต่พอควร และพยายามรักษาน้ําหนักร่างกายให้คงที่

- ให้ลดพลังงานในอาหารลงร้อยละ 10 เมื่ออายุ 60-69 เมื่ออายุ 70 ปีขึ้นไป ให้ลดลงร้อยละ 20 - กองโภชนาการ กรมอนามัย เสนอให้ลดลง 100 กิโลแคลอรีทุก 10 ปีที่เพิ่มขึ้น

อายุ 60 – 69 ปี ต้องการพลังงาน 1,450 กิโลแคลอรี

อายุ 70 ปีขึ้นไป ต้องการพลังงาน 1,250 กิโลแคลอรี

ความต้องการสารอาหารในผู้สูงอายุ

 พลังงานที่ผู้สูงอายุได้รับไม่ควรต่ํากว่า 1,200 กิโลแคลอรี เพราะจะทําให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

- คาร์โบไฮเดรตที่ผู้สูงอายุควรได้รับประจําวัน คือ ร้อยละ 55 ของพลังงานทั้งหมดที่ได้รับใน 1 วัน - โปรตีน ผู้สูงอายุจําเป็นต้องได้รับโปรตีนให้เพียงพอเพื่อใช้ในการซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ ผู้สูงอายุ ได้รับโปรตีนประมาณวันละ 1 กรัม ต่อน้ําาหนักตัว 1 กิโลกรัม ซึ่งจะได้จากอาหาร จําพวกนานม ไข่ เนื้อสัตว์ ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ

- ไขมัน ผู้สูงอายุควรกินไขมันแต่พอควร ไม่ควรเกินร้อยละ 25-30 ของปริมาณพลังงานทั้งหมด ผู้สูงอายุควรกินน้ํามันพืชมากกว่าไขมันจากสัตว์

ความต้องการเกลือแร่

- แคลเซียม ผู้สูงอายุมักมีปัญหาเสี่ยงกับโรคกระดูกพรุน เนื่องจากเซลล์ของกระดูกมีการสลาย มากกว่าการสร้าง และโรคกระดูกพรุนภายในหญิงมากกว่าชาย การสูญเสียแคลเซียมที่กระดูก

ทําให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลง กระดูกหักง่าย

- เหล็ก ความต้องการเหล็กในผู้สูงอายุไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในหญิงจะลดลงเล็กน้อยเนื่องจาก

ไม่มีการสูญเสียทางประจําเดือน

ความต้องการน้ํา

ผู้สูงอายุควรดื่มน้ําให้พอเพียงทุกวันอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร ในวันที่มีอากาศร้อนจัด ควรได้รับน้ําเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยน้ําที่สูญเสียทางผิวหนัง และเพื่อช่วยให้ไต ขับถ่ายของเสียได้ดีขึ้นน้ําที่ได้รับจะเป็นน้ําสะอาดหรือเครื่องดื่มจําพวกน้ําผลไม้หรือน้ํานมก็ได้

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น